8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). ยายแก่รับว่าได้ แต่งตัวออกไปตลาด สักครู่กลับมาส่งยาพิษให้.

นิยายแต่งงานไม่เต็มใจจบแล้ว

พราหมณ์หนุ่มลาพ่อตาแม่ยายเข้าไปในห้อง ฝ่ายหญิงสาวก็เห็นพราหมณ์หนุ่มเดินเข้ามาก็ขมีขมันเอายาพิษโรยลงในถ้วยนมสดที่เตรียมไว้ พราหมณ์หนุ่มกำลังหิวกระหายมาไม่ทันสังเกตฉวยถ้วยนมขึ้นดื่ม สาวน้อยใจเต้นตึกๆ มองดูไม่กะพริบตา พราหมณ์หนุ่มดื่มนมรวดเดียวดวด ไม่ทันวางถ้วย พิษยาซ่านเข้าทั่วตัวชักเส้นกะตุกนํ้าลายฟูมปาก ซุดตัวลงทำตากลอกพูดไม่ออก ได้สักครู่ก็ขาดใจตาย. พราหมณ์เฒ่าถอนใจลุกขึ้นเรียกลูกสาวให้รีบแต่งตัวจะได้ไป ครั้นหล่อนแต่งตัวเสร็จออกมา พ่อแม่หล่อนพะยุงให้ขึ้นคานหาม หล่อนร้องไห้เสียยกใหญ่ แม่ของหล่อนพลอยร้องไห้ด้วย แต่ไม่มีเวลาพอจะล่ำลากันได้นาน เพราะพอหล่อนนั่งลงคนหามก็ยกคานหามขึ้นหามออกรีบเดิน พราหมณ์หนุ่มก้มลงคำนับลา หยิบละอองที่ฝ่าเท้าพ่อแม่ผู้หญิงขึ้นใส่บนหัว[๑๑] ทันใดก็ออกเดินตามคานหามไปพร้อมกับบ่าวคือกายัสถ์. ในระหว่างเวลาที่เล่ามานี้ สองสหายกำลังเที่ยวเร่ร่อนแสวงหาผู้หญิง ไปหมู่บ้านโน้นมาหมู่บ้านนี้ แต่ไม่ประสพลาภแม้เท่ากิ่งก้อย ในที่สุดชายกายัสถ์บ่นขึ้น “เรามาคราวแรกถูกวันฤกษ์ดี น่ากลัวคราวนี้จะไม่เช่นนั้น ไปที่ไหนไม่ได้สักราย ดูมันติดขัดไปเสียทุกแห่ง นึกๆ ออกท้อเสียแล้ว กลับบ้านเสียทีดีกระมัง แล้วค่อยมากันใหม่ ดูให้มันเป็นคราวฤกษ์ดีเห็นอย่างไร? ” ไม่ต้องสงกาพราหมณ์หนุ่มต้องยินดีกลับเป็นแน่นอน.

พราหมณ์หนุ่มได้ฟังแสนปลื้มก็เหลือปลื้ม ถ้าหากว่าเดิมจะมีความกริ่งใจเหลือติดอยู่บ้าง ถูกเข้าคราวนี้เป็นอันหลุดหายไปหมด มอบหมายอะไรต่างๆ ไว้กับหล่อนเสร็จ ก็ให้ปรุโปร่งโล่งใจออกจากบ้านไปกับสหาย. พราหมณ์พ่อแม่จะไม่อยากให้ไปก็ไม่กล้าขัด จึ่งออกไปว่าจ้างคานหาม[๙]กับคนหาม พาเอามาคอยรับที่บ้าน จะได้ให้ลูกเขยไปทันแต่เช้า. [๒๖] ดังได้อธิบายไว้ข้างต้น [เชิงอรรถ หน้า ๓๐] ถ้าเห็นศพข้างซ้ายเป็นโชคดี แต่ว่าได้ศพมาเป็นสิ่งตรงกันข้าม ตอนโจรได้ศพนี้มีนิทานของไทยเราเรื่องหนึ่งเล่ากันติดปาก มีเรื่องขบขันพิสดาร แต่ไม่จำเป็นต้องเล่า เพราะคงทราบกันดี เนื้อเรื่องตลอดไปนับว่าคล้ายคลึงกันมาก. พราหมณ์หนุ่มแดก “ดีเสียอีกได้เช่นนั้น เอาเป็นตกลงไปวันนี้ทีเดียว” เพราะฉะนั้นจึ่งได้ตกลงกันว่า พอกินข้าวแล้วเป็นไป.

นิยายแต่งงานไม่เต็มใจจบแล้ว

นับตั้งแต่วันนั้น เสื้อผ้าของเซียวจื่ออวิ๋นมักมีรูขาดเพิ่มขึ้นมาหลายรูโดยไม่รู้สาเหตุ บางครั้งในตลับชาดของนางจะมีแมลงปริศนาชอนไชอยู่ข้างใน บางคราวน้ำหวานที่นางดื่มก็มีรสชาติเค็ม…. เว่ย ซิเฟย พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เป็นโมฆะ แค่แจ้งให้ทราบ คนก็ไม่อยากไปอยู่ดี ถ้าคนจังหวัดโทรมาบอกว่าไปไม่ได้แล้วจะยิ่งเขินอายมากขึ้นไปอีก” . และ Qin Luoxue เห็นว่าปู่ของเธอตื่นเต้นและมีความสุข และหัวใจของเธอที่ห้อยอยู่เหนือหัวใจของเธอล้มลง เธอรู้ว่าคุณปู่ชื่นชม Ye Chen แล้ว และจะไม่วิพากษ์วิจารณ์เขาต่อไป นับประสาให้ Ye Chen หย่ากับเธอ . [๒๑] แม่พราหมณ์หนุ่มพึ่งตาย กินข้าวได้เพียงวันละครั้ง แต่จะกินอะไรรองท้องได้บ้างไม่ห้าม ถ้าทำพิธีศราทธ์ (บุรพเปตพลี) เสร็จแล้วจึงจะกินก้าวได้ตามเดิม พิธีศราทธ์จะอธิบายโดยพิสดารในภาคผนวก. สาวเพิ่งแต่งงาน เจอแม่ผัวสั่งให้ตื่นมากวาดบ้านแต่เช้า เกือบเปิดวอร์ จนได้เห็นที่พื้น…

แม่ยายฟังยิ่งเวทนา เข้าปลอบประโลม “อนิจจา อนิจจา แม่ไม่รู้เลยว่าเจ็บไป หายสนิทดีแล้วหรือลูก ขอให้พ่ออายุมั่นขวัญยืนเถิด อย่ารู้เจ็บรู้ไข้อีกเลย ไม่กี่มากน้อยเนื้อหนังก็จะอ้วนอย่างเดิมดอก” แล้วลุกขมีขมันออกไปหุงต้มอาหารเพื่อเอามาเลี้ยง. [๒] พราหมณ์หนุ่มคนนี้เห็นจะเป็นคนชั้นต่ำในวรรณพราหมณ์ เช่นพวกภารัทวาชโคตร ซึ่งพราหมณ์ชูชกในมหาเวสสันดรชาดกก็สืบเนื่องมาจากโคตรนี้ เพราะมิฉะนั้นคงหาเมียสวยและมั่งมีได้ ด้วยขึ้นชื่อว่าพราหมณ์ ถึงจะประพฤติชั่วก็ยังมีผู้เต็มใจยกลูกสาวให้. ชายกายัสถ์ยืนอยู่ด้วย นึกกลัวขึ้นมา “ไม่ริอีกละ ไอ้เรื่องอย่างนี้เป็นเลิกทีเดียว” บ่นแล้วเลี่ยงกลับไปเสีย.

นี่หล่อนเป็นอะไรไปเสียแล้วไม่พูดไม่จาเลยสักนิด” หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้หงิงๆ. ยายเมียดีใจตะลีตะลานออกมา พราหมณ์หนุ่มก้มลงคำนับงามอย่างธรรมเนียมลูกเขยเคารพแม่ยฺาย แม่ยายดีใจจนนํ้าตาร่วง ทักทายปราศรัย ถามพ่อเขยขวัญ “หายไปนานทีเดียว ลูกเอ๋ย! ลืมบ้านเสียแล้วหรือ หรือว่าโกรธเคืองใครจึ่งไม่มาเลยนมนานหลายปีแล้ว แม่หรือก็ไม่มีลูกผู้ชาย รักเจ้าเหมือนกับลูกในไส้” พูดพลางนํ้าตาแกก็ยิ่งออกมาฟูมฟาย. [๕] พวกฮินดูที่ถือลัทธิเคร่ง ไม่ยอมให้ญาติพี่น้องขาดใจตายในบ้าน เห็นว่าจวนเจียนจะหมดลม ก็รีบกุลีกุจอแบกหามคนเจ็บทั้งที่นอนไปไว้ข้างนอก แต่มักนำไปถึงแม่คงคากะเวลาให้คนเจ็บไปสิ้นใจเอาใกล้ฝั่งนํ้าอันศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นบุญอย่างวิเศษ บางทีก็ทำให้เลื่อมใสความศักดิ์สิทธิ์มั่นยิ่งขึ้น โดยที่คนเจ็บร่อแร่จะตายมิตายแหล่ ถูกหามกะร่องกะแร่งไปได้กระทบอากาศแม่คงคา เลยฟื้นหายเจ็บไข้ รอดชีวิตกลับได้ก็มี; ดูคำพรรณนาแม่คงคาในปัจจุบัน ในหิโตปเทศ ตอน ๑ มิตรลาภ.

เพราะเวลากินข้าวของพวกนี้ออกจะล่ามาก ต้องกินอะไรรองท้องแก้หิวพอให้ถึงเวลา, ถ้าไม่ถึงกำหนดเป็นกินไม่ได้ ข้าวเช้ากว่าจะได้กินก็ร่วมบ่าย เวลากินข้าวเย็นบางทีไปกินเอา ๔ ทุ่มหรือ ๕ ทุ่ม, เด็กเล็กที่นอนหลับแล้ว ถึงกับต้องปลุกมากินข้าวเย็น; ถ้าใครถูกเชิญไปเลี้ยงเวลาเย็น ถ้าเป็นงานใหญ่กว่าจะยกข้าวมาเลี้ยงกัน อาจจะเป็นเวลา ๗ หรือ ๘ ทุ่มก็ได้. พราหมณ์แก่กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียง ได้ยินเสียงใครมาร้องเรียก ลุกขึ้นไปเปิดประตูเห็นเขยปลอมก็ร้องทัก “รามลอจันดอกหรือ หมายว่าใครเข้ามาซิ รู้เรื่องตลอดแล้วว่าแม่ของลูกถึงแก่กรรมไป พ่อก็เสียใจด้วย” ว่าพลางฉวยข้อมือเขยจูงเข้ามาในบ้าน. หญิงสาวแก้ไข “เปล่าค่ะ ฉันอ้อนวอนเขาเองขอให้ฉันอยู่นี่ก่อน เขาก็ยอมกลับไปคนเดียวแล้วจึงจะมารับทีหลัง” สองเฒ่าเชื่อลูกสาว ตั้งแต่นั้น ก็อยู่ด้วยกันเป็นสุขตลอดมาเหมือนเดิม. ลูกสมุนวางเตียงลง นายโจรลุกขึ้นสั่งให้ปีนขึ้นไปตรวจดูบนต้นไม้ ค้นกันทั่วต้นไม่เจอ เวลานั้นหญิงสาวหมอบแต้อยู่ในโพรง กลัวก็แสนกลัว เพราะรู้อยู่ว่าพวกโจรกลับมาค้นจับตัว เงี่ยหูฟัง เสียงมันปีนป่ายไปกิ่งโน้นมากิ่งนี้ ในใจวิตกภาวนาขออย่าให้มันปะ. จวนจะรุ่งเช้า กายัสถ์นอนอยู่หน้าระเบียง ลุกขึ้นตะโกนเรียกเอ็ด “บาบู บาบู” พราหมณ์หนุ่มลุกขึ้นออกไป เห็นจวนสว่างแล้วก็จัดเตรียมตัวจะไป ส่วนเจ้าของบ้านก็ตื่นด้วยและออกมานั่งอยู่ที่ระเบียง คนคานหามก็ตื่นเหมือนกัน ลุกขึ้นนั่งเบิ่งอยู่บ้างสูบยาและคุยกันจ้อกแจ้ก. ส่วนพราหมณ์แก่พ่อตากลัวลูกเขยจะหิวจัดคอยนานไม่ได้ รีบแต่งตัวออกไปซื้อขนมนมเนยขนเอามาเสียพะเรอ ขากลับยังแวะซื้อปลาตัวไอ้สนัดมาทำกับข้าวด้วย มาถึงบ้านจัดขนมออกมาให้พ่อลูกเขยและบ่าวกินให้สบายใจ.